วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ลู่วิ่งที่ยิ่งใหญ่

ในชีวิตของเราทุกคนอาจเปรียบได้กับลู่วิ่งเป็นดั่งหนทางของการดำเนินชีวิตแต่ละคนก็แต่ละลู่ไม่เหมือนและไม่ซ้ำกันบางคนเก่งมีความสามารถทำให้วิ่งได้เร็วไปได้ไกลแซงหน้าคนอื่นขึ้นไปบางคนด้อยด้วยความรู้ความสามารถสภาพร่างกายหรือแม้แต่จิตใจอาจจะวิ่งไปอย่างช้าๆโดยทื่ทุกคนมีปลายทางเดียวกันแต่อาจมีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน
ระหว่างทางของการวิ่งเปรียบเครื่องกีดขวางเป็นอุปสรรคที่เราต้องพบเจอไปตลอดเส้นทางหากเรากระโดดข้ามไม่พ้นอาจเสียหลักล้มลงพอเงยหน้าขึ้นก็พบแต่ผู้คนบนอัฒจันทร์มากมาย บางคนโห่ร้อง เยาะเย้ย กับการล้มลงของเราเปรียบคนเหล่านั้นเป็นผู้ไม่หวังดี
แต่ก็ยังมีบางคน ตกใจ เห็นใจ และเป็นกำลังใจให้เราลุกขึ้นเปรียบคนเหล่านั้นเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง คู่รัก และผู้หวังดี ถึงตรงนี้อยู่ที่เรานั่นเองที่จะเลือกเอาคำเยาะเย้ยมากล่าวโทษตัวเอง แล้วนั่งท้อแท้ ก้มหน้าซุกลงกับพื้นลู่วิ่งร้องไห้โอดครวญสิ้นหวังแล้วเดินออกจากลู่วิ่งของตัวเองไปในที่สุดหรือเลือกที่จะนำความห่วงใยความหวังดีและกำลังใจจากเขาเหล่านั้นมาเป็นพลังให้กล้ามเนื้อที่ขัดเคล็ดคืนตัวหายปวดและพร้อมหยัดยืน ค่อยๆก้าวเดินและออกวิ่งต่อไป
“ความสำเร็จอาจจะช้ากว่าคนอื่นๆ
แต่สุดท้าย เราจะถึงจุดที่เรามุ่งหมาย และไม่มีใครเป็นคนสุดท้ายแน่นอน”

ชีวิตยืนยาว…ทำอย่างไร

กฎ 10 ข้อเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข
1.อย่าเสพสุขจนเกินควร
Don’t indulge in excessive pleasures.
2.อย่าตื่นเต้นจนเกินไป ไม่กังวลเรื่องอายุ
Don’t get excited. Forget your age.
3.อย่าทานมาก อย่าดื่มมาก
Don’t over-eat and don’t over-drink.
4.ทานผลไม้และดื่มน้ำมากๆ
Eat more fruits and drink more water.
5.ทานอาหารที่มีคุณค่าและมีประโยชน์
Eat nutritious food.
6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
Exercise.
7.ออกนอกบ้านเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์
Go outdoors and breath fresh air.
8.ทำงาน 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง นอนหลับให้สนิท 8 ชั่วโมง
Follow a three eight-hours rest.
9.รักษาที่อยู่และสภาพแวดล้อมให้สะอาดเสมอ
Keep a clean and sanitary environment.
10.สนุกกับการช่วยเหลือผู้อื่น
Enjoy helping others.

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ได้รับสิ่งดี

“ท่านจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของผู้อื่นเมื่อท่านได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของท่านไป”
“ You get the best out of others
when you give the best out of yourself. ”

เสื่อมลาภ…เสื่อมยศ

“คนเราเมื่อมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ
เมื่อมียศ ก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีสุข ก็มีทุกข์
เมื่อมีสรรเสริญ ก็มีนินทา เป็นของคู่กันมา
เช่นนี้จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์
ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม
นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ทรงประเสริฐ
ยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดา
ยังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน
ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นโลกธรรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้
ต้องคิดเสียว่า เขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง
เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ
ก่อนที่เราจะทำอะไร
เราคิดแล้วว่าไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราและคนอื่น เราจึงทำ
เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไรก็ช่างเขา
บุญเราทำ กรรมเราไม่สร้าง
พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ
จะต้องไปกังวล กลัวใครติเตียนทำไม
ไม่เห็นเป็นประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่าๆ”

ยังไม่สำเร็จ…อย่าเลิก

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นได้เพราะการทุ่มเทพลังกายพลังใจทั้งหมดไปยังจุดมุ่งหมายอย่างสุดความสามารถผู้ที่มีการศึกษาสูงก็ไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จได้ถ้าหากไม่ทุ่มเทหรือลดละความพยายามเสียก่อนแต่สำหรับผู้ที่เรียนน้อยกว่าหรือมีความสามารถน้อยกว่าอาจจะสามารถประสบความสำเร็จได้ขอเพียงเพียรพยายามและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
หากไม่ต้องการประสบความพ่ายแพ้หรือล้มเหลวจะต้องคิดถึงความสำเร็จและชัยชนะเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับตนเองอีกทั้งพร้อมที่จะเดินหน้าฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปสู่จุดหมายปลายทางของความสำเร็จโดยไม่ย่อท้อไม่ยอมแพ้หรือล้มเลิกกลางคันให้คิดว่าปัญหาและความยากลำบากต่างๆที่เกิดขึ้นช่วยฝึกฝนตัวเราให้แข็งแกร่งมีประสบการณ์เพิ่มขี้นอีกทั้งพบหนทางในการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในวันนี้และวันหน้าต่อไป
อย่าล้มเลิก หากยังไม่ได้พยายามให้เต็มที่
อย่าล้มเหลว หากยังไม่ประสบผลสำเร็จ
ดังคำกล่าวของ คอนราด ฮิลตัน ที่ว่า
“ความสำเร็จดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับการกระทำคนที่ประสบความสำเร็จ จะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
พวกเขาทำผิดพลาด แต่พวกเขาไม่ยอมเลิก”

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เดินต่อไป…ใจยังสู้

“ไม่กล้า ไม่มีวันเดินหน้า”
Nothing ventured, nothing gained.
“คนเราไม่มีใครล้มเหลว มีแต่ล้มเลิกต่างหาก”
There are no failures, only people who have given up.
“ถ้าไม่หาทาง ก็ต้องสร้างมันขึ้นมา”
We will either find a way or make one.
“อย่าคิดว่าคุณจะเดิน เดินไปเลย”
Don’t just think you’ll wall, WALK.
“การเริ่มต้นเป็นเรื่องยาก แต่การก้าวต่อไปเป็นเรื่องยากกว่า”
Getting started is hard, but the next step is harder.
“คว้าทุกโอกาสให้ได้”
Seize the day.
“ความใฝ่ฝัน ไม่เคยหยุดยั้ง”
Ambition never comes to an end.
“ความเสี่ยงที่สุด คือการไม่กล้าเสี่ยงเลย”
The biggest risk is not to take the risk at all.

แผนที่ดีในวันนี้

“แผนการที่ดีของวันนี้ย่อมดีกว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบในวันพรุ่งนี้”
“A good plan today is better than perfect plan tomorrow.”

วันนี้…มีค่ามากกว่าวันพรุ่งนี้

ความสำคัญของการกระทำในวันนี้มีคุณค่ามากกว่าการรอที่จะกระทำในวันพรุ่งนี้มากมายนัก เบนจามิน แฟรงคลิน กล่าวไว้ว่า วันนี้วันเดียว มีค่ามากกว่าพรุ่งนี้สองวัน เพราะว่าวันพรุ่งนี้ไม่มีความแน่นอนเท่ากับวันนี้และเดี๋ยวนี้
หากคิดจะทำสิ่งใดจะต้องรีบลงมือทำทันที อย่ารอให้ทุกอย่างพร้อมหรือผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะการผลัดวันประกันพรุ่งอาจจะทำให้ความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่างๆลดลง จนไม่สามารถทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันได้ ดังภาษิตอินเดียที่ว่า
“อะไรที่ท่านวางแผนไว้ว่าจะทำพรุ่งนี้ จงทำเสียแต่วันนี้
อะไรที่ท่านคิดว่าจะทำวันนี้ จงทำเสียเดี๋ยวนี้”
“What you are planning to do tomorrow, do today;
What you are going to do today, do right now.”
ฉะนั้นอย่าปล่อยให้วันนี้สูญเสียไปโดยหวังผลในวันพรุ่งนี้จงลงมือทำสิ่งนั้นทันทีจงทำให้ดีที่สุดในวันนี้ และเดี๋ยวนี้

ไม่เชื่อตัวเอง…น่ากลัวที่สุด

มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดหรือตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างไรย่อมเคยผ่านปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงานมาแล้วทั้งสิ้นหากย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงเห็นถึงสภาพจิตใจขณะนั้นที่ทั้งว้าวุ่น สับสน กระวนกระวาย เป็นทุกข์ และเครียดจนทำอะไรแทบไม่ถูก
บทเรียนในครั้งนั้นย่อมทำให้เรียนรู้ถึงการตั้งสติให้มั่น จากนั้นคิดหาทางออกโดยให้กำลังใจกับตนเองว่าไม่มีปัญหาใดที่แก้ไขไม่ได้ไม่เกรงกลัว และเชื่อมั่นว่าสามารถนำชีวิตรอดพ้นจากมรสุมได้
การให้กำลังใจตนเองอยู่เสมอเมื่อเกิดปัญหาจะช่วยให้สภาพจิตใจมีพลังมากขึ้น จิตใจเยือกเย็น และรู้สึกไม่กดดันหากยิ่งมีความเชื่อมั่นในตนเองว่าสามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่เกรงกลัว ย่อมมีโอกาสในการขจัดเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี
นักเขียนชาวอังกฤษ ธอมัส ดาร์ไรส์ กล่าวว่า
“ความไม่เชื่อที่น่ากลัว คือความไม่เชื่อในตัวเอง”
ดังนั้น จงสร้างกำลังใจและมีความเชื่อในตนเองว่าสามารถนำพาชีวิตให้รอดพ้นจากอุปสรรคทั้งปวง

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เก็บเกี่ยวความสุข…จากการใช้ชีวิต

การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความสุขหมายถึงการเข้าใจตนเองรู้จักตั้งเป้าหมายรู้จักวางแผนและต้องรู้จักเลือกเฟ้นสิ่งดีๆให้กับชีวิตแม้บางครั้งอาจจะเผชิญกับความทุกข์และความยากลำบากบ้าง ให้คิดว่าเป็นรสชาติของชีวิตที่ต้องมีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากันไป
แม้จะมีความทุกข์ความยากลำบากเกิดขึ้นกับชีวิตอยู่เนืองๆแต่ในขณะเดียวกันหลายคนอาจลืมไปว่าในบางครั้งการคลายทุกข์สามารถหาได้จากสิ่งที่มีรอบตัวเพราะบ่อยครั้งความสุขมีอยู่ไม่ไกล ฉะนั้นไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ขอให้มีความสุขและมีความหวังกับชีวิตมองโลกให้สดใสด้วยจิตใจที่เบิกบานและสรรหาความสุขจากสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบตัวให้มากที่สุด
วอลเตอร์ ฮกเก้น ได้กล่าวไว้ว่า
“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกังวล
ท่านเพียงมาอยู่ในโลกใบนี้ไม่นานนักหรอก
อย่าลืมหยุด และดมดอกไม้”
มีหลายสิ่งรอบๆตัวที่ให้ความสุขกับเราได้ ดังนั้นจงมีแต่ความสุข อย่าวิตกทุกข์ร้อนกับชีวิตจนเกินไป จงมองหาความสุขแม้เพียงเล็กน้อยรอบตัวให้มากที่สุด เพื่อชีวิตที่มีค่าของตนเอง

อย่ากลัว

“อย่ากลัวคนตำหนิท่าน จงกลัวว่าท่านเองจะทำผิด จงทำตัวของท่านให้ดีก่อน
แล้วจึงสอนผู้อื่น”
“Fear not when men speak evil of you;
fear lest you should do evil.
First put yourself right, then others. ”

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รู้จักพอ…ก่อสุขทุกสถาน

มีคำของอี้หมิงที่กล่าวเอาไว้ว่า “สำหรับผู้ที่รู้จักพอ แม้ยากจนข้นแค้นก็ยังมีความสุข ผู้ที่ไม่รู้จักพอแม้จะร่ำรวยมียศถาบรรดาศักดิ์ก็ยังมีความทุกข์”
หากต้องการมีความสุขจะต้องมีความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเป็นและมีอยู่สามารถชื่นชมกับสิ่งเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันได้โดยไม่คิดน้อยใจหรือคิดว่าตนเองต่ำต้อยด้อยค่า
ผู้ที่จะมีความสุขได้นั้นคือผู้ที่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีขอเพียงแต่มีความพยายามในการทำให้ประสบความสำเร็จก็เพียงพอไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกับสิ่งที่ไม่สามารถจะหามาได้และทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดไม่หวังผลเลอเลิศจนเกินความสามารถของตนเองรู้จักกำหนดขอบเขตของความปรารถนา
สิ่งใดที่ควรได้ควรมีก็จงพยายามทำให้สำเร็จสิ่งใดเกินกำลังก็จงยอมรับว่าแม้ยังไม่สามารถไขว่คว้ามาได้ก็จะหาหนทางในคราวต่อไปเมื่อโอกาสมาถึงพร้อมและที่สำคัญก็คืออย่าหาทุกข์ใส่ตัวใช้ชีวิตอย่างราบเรียบสมถะมีความขยันอดทนและไม่อายทำกินอย่าก่อหนี้ก่อสินเพิ่มขึ้นดั่งพุทธภาษิตสอนใจให้คิดว่า
“เข้านอนโดยไม่มีอาหารค่ำ ดีกว่าตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีหนี้สินเพราะการมีหนี้สินมากเกินไป
อาจสร้างปัญหาในระยะยาวจนไม่อาจลืมตาอ้าปากได้ในโอกาสต่อไป”

ไม่รู้จักตนเอง…ไม่รู้จะไปทางไหน

ผู้ที่ยังไม่รู้จักตัวเองดีพอคือผู้ที่ไม่มีทิศทางในการดำรงชีวิตการรู้จักตนเองคือการรู้จักประเมิณค่าสติปัญญาและความสามารถของตนเองอย่างถูกต้องรู้จักและกล้าที่จะขยายศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ให้เป็นประโยชน์
เมื่อรู้จักตนเองและรู้จักตั้งเป้าหมายอีกทั้งยืนหยัดต่อสู้อย่างมานะบากบั่นก็จะประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้แต่หากไม่รู้จักตนเองก็จะไม่รู้ทิศทางที่ต้องการจะเดินไปไม่รู้จักตั้งเป้าหมายอย่างเหมาะสมหรือตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินกำลังทำให้ไม่สามารถทำตามเป้าหมายให้ประสบความสำเร็จอีกทั้งยังปล่อยให้เวลาและโอกาสดีๆผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
ฉะนั้นต้องรู้จักข้อดีข้อเสียรู้จักความสามารถและมีเป้าหมายของตนเองที่ชัดเจนเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่วาดหวังไว้ได้อย่างดียิ่ง ดังเช่นที่เซนดี้ วอห์นซัวเซ กล่าวว่า
“ถ้าหากไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร ท่านก็จะไม่รู้ว่ากำลังจะไปทางไหน”
“if you don’t know who you are, you can’t know you are going”

รักษาความดี…ดุจเกลือรักษาความเค็ม

ความดีเป็นสิ่งที่ต้องสั่งสมจึงจะเกิดคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่นกว่าที่จะสร้างสมความดีหรือความสำเร็จในชีวิตได้นั้นต้องใช้เวลานานบางครั้งอาจใช้เวลาเกือบชั่วชีวิตหากไม่รู้จักเก็บรักษาความดีหรือความสำเร็จนั้นไว้ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสูญสิ้นและไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
จงรักษาความดีของตนเองไว้ยิ่งชีวิตให้เหมือนดั่งเช่นเกลือที่รักษาความเค็มอย่าปล่อยตนให้ตกต่ำถอยหลังอย่าเห็นแก่เงินทองหรือสินจ้างรางวัลมากกว่าชื่อเสียงเกียรติยศของตนเองอย่าประมาทในการใช้ชีวิตหรือหลงผิดไปในห้วงเหวแห่งอบายมุขทั้งปวง
การรักษาความดีและชื่อเสียงของตนเองเป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลาแต่การทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งามหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องแม้เพียงเล็กน้อยนั้นเป็นเรื่องง่ายเหมือนดั่งการไหลของน้ำเพราะธรรมชาติของน้ำมักไหลสู่ที่ต่ำเสมอนอกจากนั้นยังจะทำลายความดีที่มีอยู่เสียหมดสิ้นในพริบตา ดังนั้นจงเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า
“ทำความดีตลอดชาติไม่เพียงพอ ทำความชั่วเพียงวันเดียวก็เหลือหลาย
จงรักษาความดีที่มีอยู่ หยุดทำในสิ่งไม่ดี เสียตั้งแต่วันนี้”

ความสุขที่มี

“จงมีความสุขกับสิ่งที่ท่านมีแล้วท่านจะมีสิ่งมากมายที่จะช่วยให้มีความสุข”
“Be happy with what you have, and you will have plenty to be happy about.”

หยุดกังวล…เพื่อความสุขของตนเอง

ความวิตกกังวลเป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อมั่นสร้างความทุกข์และทำลายความคิดสร้างสรรค์เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกังวลใจขอจงคิดในทางที่ดีรอเวลาที่จะทำให้ดีขึ้นดั่งคำคมที่ว่าความเลวร้ายมีได้เพียงชั่วครู่ อยู่ๆก็มาแล้วจะผ่านไปเอง จากนั้นให้หาทางแก้ไขตามคำแนะนำ ต่อไปนี้
1.จงฝึกยอมรับความวิตกกังวลเล็กๆน้อยๆใช้เหตุผลไตร่ตรองดูว่าสิ่งใดควรเก็บมาคิดหรือตัดทิ้งไป
2.จงพักผ่อนเปลี่ยนอิริยาบทเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย
3.จงฝึกสร้างนิสัยวิตกกังวลในทางสร้างสรรค์คิดหาทางแก้ไขแบบสร้างสรรค์อย่าคิดวิตกในทางทำลาย
4.จงยอมรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นและหาหนทางแก้ไขอย่าปล่อยให้ความกังวลค้างคาในใจตลอดเวลาไม่ย้ำคิดย้ำทำเก็บสะสมไว้ในใจจนเป็นทุกข์เหมือนดั่งภาษิตที่ว่า
“วิหคนกน้อยแห่งความกังวลและความห่วงใย บินวนบนศรีษะ แม้จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงมิได้
แต่หากมันจะสร้างรังถาวรบนผมของท่าน ท่านสามารถป้องกันได้ “
“That the birds of worry and care fly above your head, this you can’t change, But that they build nests in your hair, this you can prevent.”

มีเป้าหมาย…มีความสำเร็จ

มาร์วา คอลลินส์ กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่าความสำเร็จไม่ได้ไปหาคุณ คุณต้องไปหามัน ไม่มีผู้ใดพบกับความสำเร็จหากตนเองยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนการตั้งเป้าหมายจึงเป็นปัจจัยสำคัญเพราะทำให้เกิดความมุ่งมั่นและรู้ทิศทางของชีวิตแห่งความสำเร็จที่แน่นอนวิธีการสร้างเป้าหมายให้กับตนเองเพื่อความสำเร็จในอนาคตมีดังนี้
1.จงวิเคราะห์ตนเองว่ามีความต้องการสิ่งใดในชีวิตวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงให้ได้
2.จงวางแผนให้กับเป้าหมายที่ต้องการนั้นว่าจะไปในทิศทางใด
3.จงเขียนแผนการต่างๆที่ต้องการทำให้สำเร็จในอนาคต ลงในกระดาษและพยายามทำตามเป้าหมายนั้นตาม
ขั้นตอนอย่างสุดความสามารถ
4.จงเพิ่มเติมความรู้และประสบการณ์ที่จะช่วยให้สามารถนำมาใช้ในการส่งเสริมให้บรรลุตามเป้าหมาย
5.จงสนุกกับการปฏิบัติตามเป้าหมายตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
เคล็ดลับที่สำคัญคือการตั้งเป้าหมายต้องรู้ว่าตนเองมีเป้าหมายและทิศทางอย่างไรและดำเนินการกระทำตามขั้นตอนต่างๆอย่างมุ่งมั่นโอกาสในการได้รับความสำเร็จจะมีมากขึ้นเหมือนดังคำเปรียบเปรยของอาร์โนล์ กลาโชว์ ที่ว่า
“ชีวิตเช่นเดียวกับฟุตบอล ไปได้ไม่ไกล จนกว่าจะรู้ว่าประตูอยู่ที่ไหน
ใช่แล้ว! ชีวิตที่ไม่มีเป้าหมาย ย่อมเลื่อนลอย ซ้ำยังย่ำเท้าอยู่กับที่”

ภัยพิบัติ…มักจะออกจากปาก

มีหลายคน ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเพราะการพูดแต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่ล้มเหลวพลาดท่าจากคำพูดของตนเองคำพูดที่ออกจากปากนั้นเปรียบเสมือนดาบสองคมหากรู้จักพูดหรือพูดแต่เรื่องที่สร้างสรรค์ก็จะเป็นประโยชน์ทำให้เป็นที่สนใจรักใคร่นับถือ
หากไม่รู้จักพูดพูดจาเพ้อเจ้อส่อเสียดรู้ไม่จริงแล้วพูดหรือพูดจาโกหรเอาตัวรอดจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือขาดความไว้วางใจและบ่อยครั้งจะมีผลกระทบต่อผู้พูดในทางร้ายเพราะเมื่อพูดแล้วคำพูดนั้นไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ดังภาษิตจีนที่ว่า “คำพูดที่หลุดออกจากปากแล้ว ใช้ม้าลากถึงหกตัวก็ลากคืนมาไม่ได้”
จงระมัดระวังในการพูดจาโดยเฉพาะในการทำงานและคบหาสมาคมหรือแม้กระทั่งในครอบครัวก่อนที่จะพูดสิ่งใดออกไปจะต้องคิดให้รอบคอบว่าคำพูดนั้นมีประโยชน์มีความสร้างสรรค์ทำให้ผู้ฟังพึงพอใจหรือมีผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่นมากน้อยเพียงใดหากไม่แน่ใจแล้วให้นิ่งเสียดีกว่าอย่าพูดออกไปโดยเด็ดขาดเพราะว่าคำพูดนั้นอาจส่งผลย้อนกลับมาเป็นภัยร้ายต่อตนเองในภายหลัง
จงจำภาษิตจีนเตือนใจที่ว่า
“โรคภัยเข้าทางปาก ภัยภิบัติออกจากปาก”

เพียงก้าวแรก

“ต้นไม้ที่ลำต้นใหญ่กว่าอ้อมแขนของท่านเจริญเติบโตมาจากเมล็ดพันธ์เล็กๆเพียงเมล็ดเดียว
อาคารสูงกว่าเก้าชั้นเริ่มจากก้อนดินเพียงหยิบมือ
การเดินทางหลายพันไมล์เริ่มจากก้าวเท้าเพียงเก้าเดียว”
“ A tree that reaches past your embrace grows from one small seed.
A structure over nine stories high begins with a handful of earth.
A journey of a thousand miles starts with a single step. “

อดทนเข้าไว้…พ้นภัยทั้งปวง

เพราะความอดทน จะนำมาซึ่งความสุข ความสำเร็จ และนำความดีงามทั้งปวงมาสู่ชีวิตอย่างคาดไม่ถึง ผู้ที่มีมานะอดทนทำงานอย่างหนัก มักจะได้รับผลตอบแทนคือความสำเร็จ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานตามที่คาดหวังไว้ หรือผู้ที่อดทนต่อความยากลำบากในการทำธุรกิจที่กำลังมีปัญหา จนสามารถแก้ไขให้ลุล่วงได้ ก็มักจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า ด้วยความอดทนนั้นเทียวองุ่นดิบจึงกลายเป็นน้ำเชื่อม ใบหม่อนจึงกลายเป็นผ้าไหม
จงอดทนที่จะรอความสำเร็จ โดยมุมานะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่หากรู้สึกว่าไม่มีความอดทนคาดหวังผลสำเร็จแบบทันทีขอจงคิดทบทวนดูและต่อสู้ให้จนถึงที่สุดฝึกฝนความอดทนในการควบคุมอารมณ์และฝึกฝนความอดทนในการพูดและทำงานไม่คิดยอมแพ้กับอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันแน่นอนว่าความสำเร็จต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเหมือนดั่งคำคมน่าคิดที่ว่า
“ถ้าท่านไม่อดทนต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งท่านก็จะล้มเหลวต่อทุกสิ่ง”
“if you don’t stand for something,you will fall from anything”

มานะไว้…ก็จะพ้นคนดูแคลน

แม้ภาวะวิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต มากมายเพียงใดก็ตาม หากไม่ยอมแพ้
และไม่ย่อท้อ อุปสรรคใดๆก็ไม่สามารถขัดขวางได้ โอกาสในการนำความสำเร็จให้กลับคืนมา
ยังมีอยู่เสมอ อย่าหมดหวัง หรือหมดกำลังใจในการฟื้นตนเองจากสภาพที่ย่ำแย่สิ้นหวัง ขอเพียงทนรอให้ถึงโอกาสที่กำลังคืบคลานเข้ามาเพราะว่า “ชั่วโมงที่มืดมิดที่สุด มีเพียง 60 นาทีเท่านั้น”
ผู้ที่มีกำลังใจ มีความคิดที่ต้องการชนะ จะไม่ยอมแพ้กับอุปสรรค มีความมั่นใจ เชื่อมั่นตนเอง ไม่จมอยู่กับความล้มเหลวทำให้มีพลังในการต่อสู้และแก้ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้น มีแรงขับเคลื่อน และมีแรงศรัทธาอย่างแรงกล้า ที่จะกระตุ้นจิตใจให้หาหนทางแก้ไขปัญหาต่างๆทำให้ค้นพบแนวทางในการปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมีแนวโน้มดีขึ้น สมบูรณ์ขึ้น อีกทั้งได้รับการยอมรับ ได้รับการยกย่อง ได้รับความเชื่อมั่นจากทุกๆคน และไม่มีผู้ใดกล้าสบประมาทหรือดูถูกเอาได้ ดังคำกลอนของผู้แต่งนิรนามเขียนให้กำลังใจในนิตยสารชัยพฤกษ์ไว้ว่า
“แม้เท้าเรา ติดตม จมโคลนอยู่
หน้าเรายัง เงยดู เดือนดาวได้
แม้ตกอับ ทุกข์หนัก สักปานใด
มานะไว้ ก็จะพ้น คนดูแคลน”