วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ลู่วิ่งที่ยิ่งใหญ่

ในชีวิตของเราทุกคนอาจเปรียบได้กับลู่วิ่งเป็นดั่งหนทางของการดำเนินชีวิตแต่ละคนก็แต่ละลู่ไม่เหมือนและไม่ซ้ำกันบางคนเก่งมีความสามารถทำให้วิ่งได้เร็วไปได้ไกลแซงหน้าคนอื่นขึ้นไปบางคนด้อยด้วยความรู้ความสามารถสภาพร่างกายหรือแม้แต่จิตใจอาจจะวิ่งไปอย่างช้าๆโดยทื่ทุกคนมีปลายทางเดียวกันแต่อาจมีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน
ระหว่างทางของการวิ่งเปรียบเครื่องกีดขวางเป็นอุปสรรคที่เราต้องพบเจอไปตลอดเส้นทางหากเรากระโดดข้ามไม่พ้นอาจเสียหลักล้มลงพอเงยหน้าขึ้นก็พบแต่ผู้คนบนอัฒจันทร์มากมาย บางคนโห่ร้อง เยาะเย้ย กับการล้มลงของเราเปรียบคนเหล่านั้นเป็นผู้ไม่หวังดี
แต่ก็ยังมีบางคน ตกใจ เห็นใจ และเป็นกำลังใจให้เราลุกขึ้นเปรียบคนเหล่านั้นเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง คู่รัก และผู้หวังดี ถึงตรงนี้อยู่ที่เรานั่นเองที่จะเลือกเอาคำเยาะเย้ยมากล่าวโทษตัวเอง แล้วนั่งท้อแท้ ก้มหน้าซุกลงกับพื้นลู่วิ่งร้องไห้โอดครวญสิ้นหวังแล้วเดินออกจากลู่วิ่งของตัวเองไปในที่สุดหรือเลือกที่จะนำความห่วงใยความหวังดีและกำลังใจจากเขาเหล่านั้นมาเป็นพลังให้กล้ามเนื้อที่ขัดเคล็ดคืนตัวหายปวดและพร้อมหยัดยืน ค่อยๆก้าวเดินและออกวิ่งต่อไป
“ความสำเร็จอาจจะช้ากว่าคนอื่นๆ
แต่สุดท้าย เราจะถึงจุดที่เรามุ่งหมาย และไม่มีใครเป็นคนสุดท้ายแน่นอน”

ชีวิตยืนยาว…ทำอย่างไร

กฎ 10 ข้อเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข
1.อย่าเสพสุขจนเกินควร
Don’t indulge in excessive pleasures.
2.อย่าตื่นเต้นจนเกินไป ไม่กังวลเรื่องอายุ
Don’t get excited. Forget your age.
3.อย่าทานมาก อย่าดื่มมาก
Don’t over-eat and don’t over-drink.
4.ทานผลไม้และดื่มน้ำมากๆ
Eat more fruits and drink more water.
5.ทานอาหารที่มีคุณค่าและมีประโยชน์
Eat nutritious food.
6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
Exercise.
7.ออกนอกบ้านเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์
Go outdoors and breath fresh air.
8.ทำงาน 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง นอนหลับให้สนิท 8 ชั่วโมง
Follow a three eight-hours rest.
9.รักษาที่อยู่และสภาพแวดล้อมให้สะอาดเสมอ
Keep a clean and sanitary environment.
10.สนุกกับการช่วยเหลือผู้อื่น
Enjoy helping others.

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ได้รับสิ่งดี

“ท่านจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของผู้อื่นเมื่อท่านได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของท่านไป”
“ You get the best out of others
when you give the best out of yourself. ”

เสื่อมลาภ…เสื่อมยศ

“คนเราเมื่อมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ
เมื่อมียศ ก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีสุข ก็มีทุกข์
เมื่อมีสรรเสริญ ก็มีนินทา เป็นของคู่กันมา
เช่นนี้จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์
ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม
นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ทรงประเสริฐ
ยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดา
ยังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน
ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นโลกธรรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้
ต้องคิดเสียว่า เขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง
เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ
ก่อนที่เราจะทำอะไร
เราคิดแล้วว่าไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราและคนอื่น เราจึงทำ
เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไรก็ช่างเขา
บุญเราทำ กรรมเราไม่สร้าง
พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ
จะต้องไปกังวล กลัวใครติเตียนทำไม
ไม่เห็นเป็นประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่าๆ”